ประวัติสามพันโบก
แกรนด์แคนย่อยเมืองสยาม คือแก่งหินงามสามพันโบก
นายเรืองประทิน เขียวสด ครูโรงเรียนบ้านสองคอนซึ่งเป็นในผู้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในบริเวณดังกล่าว ระบุว่า
สามพันโบก ถือว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในลำน้ำโขงเท่าที่ทราบกันมา
ซึ่งในบริเวณเดียวกัน มีสถานที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า แกรนแคนยอนน้ำโขง อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำหลายพันปี
เป็นร่องน้ำขนาดใหญ่ สูงประมาณ 3-7 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร
แก่งหินสามพันโบก เป็นกลุ่มหินทรายแนวเทือกเขาภูพานตอนปลายที่ทอดตัวยาวริมฝั่งโขงไทยและลาว สายน้ำแคบและเป็นคุ้งน้ำ ณ เส้นรุ้งที่ N.15 องศา 47.472 ลิปดา และเส้นแวงที่ E.105 องศา 23.983 ลิปดา ริมฝั่งโขงบริเวณนี้เป็นกลุ่มหินที่เรียงตัวทอดยาว เป็นสันดอนขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 30 ตารางกิโลเมตร ผาหินบริเวณโค้งด้านหน้ารับแรงน้ำที่ไหลจากตอนบน ก่อเกิดประติมากรรมธรรมชาติที่งดงาม
แก่งสามพันโบก เป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก ประมาณเดือนกรกฏาคม – เดือนตุลาคม และโผล่พ้นน้ำอวดความงามให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – มิถุนายน ทุกปี
เปิดตำนานสามพันโบก
จากประติมากรรมหินทรายที่มีรูปร่างดงามแปลกตา ก่อเกิดตำนานเรื่องเล่าตำนานพญานาคชุดแม่น้ำโขง ทุ่งหินเหลื่อม หินหัวสุนัข และปู่จกปู
ตำนานหินหัวสุนัข ทางเข้าของแกรนด์แคนยอนแม่น้ำโขง มีหินสวยงามลักษณะคล้ายหัวสุนัข ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันต่างๆ นานา บ้างก็ว่า แต่ก่อนมีเจ้าเมืองเป็นผู้เรืองอำนาจประทับใจความงามของสามพันโบก จึงได้ส่งเสนามาศึกษาเพิ่มเติม เมื่อมาแล้วพบขุมทรัพย์เป็นทองคำ จึงให้สุนัข เฝ้าทางเข้าจนกว่าเจ้าเมืองจะออกมา เมื่อเจ้าเมืองได้เห็นสมบัติเกิดความโลภ กลัวเสนาจะได้ส่วนแบ่งจึงได้ออกไปทางอื่น สุนัขผู้ภักดีก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้นจนตายในที่สุด บางตำนานก็ว่าลูกพญานาคในลำน้ำโขงเป็นผู้ขุดเพื่อให้เกิดลำน้ำอีกสายหนึ่งและได้มอบหมายให้สุนัขเป็นผู้เฝ้าทางระหว่างการขุดจนกระทั่งสุนัขได้ตายลงกลายเป็นหินรูปสุนัขในที่สุด
ตำนานหาดหินสี หรือทุ่งหินเหลื่อม ทุ่งหินเหลื่อมอยู่ในพื้นที่บ้านคำจ้าว ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร เป็นกลุ่มหินสีที่มีลักษณะแปลกตา คือหินแต่ละก้อน จะมีผิวเรียบเป็นมันประกอบด้วยสีเหลือง เขียว ม่วง น้ำเงิน มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กเท่ากำปั้นและก้อนใหญ่สุดมีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตร กระจายเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มใหญ่ หินแต่ละก้อนถ้านำมาเรียงต่อกันจะเชื่อมกันได้สนิทคล้ายจิ๊กซอว์หินสี จากตำนานชาวบ้านที่เล่าขานต่อกันว่ากลุ่มหินสีดังกล่าวคือทองคำพญานาค ซึ่งเกิดจากการขุดสร้างแม่น้ำโขงของพญานาคตัวพ่อและตัวแม่ ส่วนร่องน้ำเล็กที่คู่ขนานกับแม่น้ำโขงเป็นผลงานของลูกพญานาคที่ขุดเล่น จนเกือบทะลุกับแม่น้ำโขง ลูกพญานาคพบหินเหมือนทองคำ จึงขุดขึ้นกองไว้เป็นบริเวณกว้างประมาณ 2 ไร่
ทุ่งหินเหลื่อม ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาศึกษาอย่างเป็นทางการ จึงมีคำถามที่รอคำตอบมากมาย ว่าหินกลุ่มนี้มากจากไหน หรือเกิดขึ้นอย่างไร และคำตอบจากนักท่องเที่ยวทุกคนคือ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินั่นเอง
ตำนานปู่จกปู หลุมโบกที่เกิดขึ้นมากมาย ก่อเกิดเรื่องเล่า ปู่พาหลานมาจับปาบริเวณถ้างต้อน (ต้อนเป็นเครื่องมือดักปลาของคนอีสาน) บังเอิญไม่สามารถจับปลาได้จึงใช้มือล้วงปูหินริมน้ำโขงจนเกิดโบกจำนวนมาก
สามพันโบกในอดีต เป็นแหล่งที่ชาวบ้านมาจับปลาในหน้าแล้งตามหลุมแอ่ง โบก และสระบุ่ง เนื่องจากลุ่มแอ่งจำนวนมากมายเหล่านี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวนมากที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงใช้สำหรับการดำรงชีพ
หินหัวพะเนียง อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทย จังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็น เกาะหินขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขงรูปร่างคล้ายอุปกรณ์ประกอบคันไถ อยู่ถัดจากบริเวณปากบ้องขึ้นไปทางเหนือประมาณ 500 เมตร เกาะหินใหญ่โผล่ขวางกลางลำน้ำโขง หินหัวพะเนียง มีรูปร่างคล้ายใบไถไม้ (ในภาษาถิ่น พะเนียงคือแท่นไม้ที่ใช้สวมใบไถเหล็ก) ชาวบ้านจึงเรียกว่า หินหัวพะเนียง แต่ลักษณะหินในบริเวณนี้บางกลุ่มจะเป็นช่อแหลมคม ซึ่งเกิดจากการปะทุขึ้นมาของหินทรายร้อนคล้ายหินภูเขาไฟ แต่ไม่ใช่แมกมาหรือลาวา เมื่อปะทุขึ้นมาปะทะกับกระแสน้ำเย็นจึงแข็งตัวกลายเป็นหินที่มีลักษณะเป็นช่อเรียกว่า “หินหัวพะเนียง” เป็นเกาะกลางแก่งหินกลางแม่น้ำที่ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย
ผาหินศิลาเลข ร่องรอยประวัติศาสตร์สมัยฝรั่งเศสเรืองอำนาจ ในแถบอินโดจีน ฝรั่งเศสได้นำเรือกลจักรไอน้ำขนส่งสินค้าระหว่าง หลี่ผี เวียงจันทน์อยู่ก่อนถึงหาดหงส์ ที่ฝรั่งเศสแกะสลักตัวเลขที่หน้าผาหิน สำหรับบอกระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ เนื่องจากหน้าที่น้ำหลากบริเวณนี้จะมีแนวหินโสโครกจำนวนมาก
การตักปลาที่บ้านสองคอน ชาวบ้านสองคอนยังมีงานประเพณีที่น่าสนใจ คือประเพณี ตักปลาในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวและคนต่างถิ่นตั้งใจมาดูเป็นพิเศษ คือการ “ตักปลา” หน้าปากบ้อง เพราะเป็นการจับปลาที่แปลกประหลาดกว่าที่อื่นๆ ไม่ต้องใช้เหยื่อตกเบ็ดหรือทอดแห แต่ใช้สวิงขนาดใหญ่ด้ามยาวคล้ายสวิงจับแมลงขนาดใหญ่คอยตักปลาที่วายจากเวินน้ำกว้างจะแหวกว่ายผ่านปากบ้องทวนกระแสน้ำเพื่อขึ้นไปวางไข่ได้ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลตักปลา” ช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ของทุกปี มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก การท่องเที่ยวทางน้ำในช่วงเวลานี้นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเที่ยวเพื่อชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตพื้นบ้านชมการประมงแบบดั้งเดิมที่น่าสนใจ ณ ตำบลสองคอนและตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี